วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สนิทเสน่หา : อัฉริยะ และ ธรรมดา

โปรดอ่านจากด้านล่างเพื่อตามความเป็นมา อ่านจากด้านบน เพื่อคาดเดาที่มา ขอบคุณครับ
เรียนทุกท่าน
ผมสะเทือนใจจาก ปรากฎการณ์แห่งความคิด ตามที่เจี๊ยบบอก
ความคิดแรกผมจะไม่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เพราะมีความเห็นดังนี้ "คนไม่ธรรมดา มีที่หยัดยืนในสังคม มีที่ทางอยู่แล้ว" ปัญหาของเราคือคนธรรมดามีเวทีใดให้เขาแสดง Tacit Knowledge ของอัฉริยะ ปะทะกับ Tacit Knowledge ของคนธรรมดา ทุกท่านให้คุณค่ากับ "อัฉริยะ" แต่ละเลยกับ "ธรรมดา"
"อัฉริยะ" สร้างและเปลี่ยนแปลงโลก
"ธรรมดา" ดำรงอยู่ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลง
"อัฉริยะ" มีเพียง...
"ธรรมดา" มีเพียบ...
โบราณว่า ดูละครแล้วย้อนดูตัว
เต๋าว่า ถ้าสูเจ้าเอาสิ่งหนึ่งไปเปรียบเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง สูเจ้าจะไม่ได้อะไรเลย
คำถามของผมคือ คุณเรียนรู้อะไรบ้าง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ถามแบบไม่ต้องการคำตอบนะครับ)
การไม่ยึดติด คือ การยึดติดอย่างหนึ่ง(ยึดติดการไม่ยึดติด)
คุณเคยเห็นความดีที่ไม่ดีไหม คุณเคยเห็นความไม่ดีที่ดีไหม คุณเคยเห็นอะไรบ้าง
ไม่ตัดสิน ไม่หวาดระแวง ไม่กลัว
อยู่กับสิ่งเดิม อยู่กับรายละเอียด อยู่กับความรู้สึก อยู่กับความหวัง
ตอนนี้คุณเห็นอะไรบ้าง
คุณแน่ใจหรือ ว่าสิ่งที่คุณสัมผัสเป็นจริง
จริง เท็จ คือสิ่งที่มาพร้อมกัน
คำถามของผมคือ คุณเรียนรู้อะไรบ้าง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (ถามแบบไม่ต้องการคำตอบนะครับ)
ผมยังมีความเห็นเหมือนเดิมครับ
ทุกท่านให้คุณค่ากับ "อัฉริยะ" แต่ละเลยกับ "ธรรมดา"
ผมเป็นคนเพียงคน "ธรรมดา" ที่ปรารถนาให้ "ธรรมดา" เป็นที่ปรากฏ ไม่น้อยไปกว่า "อัฉริยะ"
ปรากฏโดยไม่มีการเปรียบเทียบ เพราะมันจะไม่ได้อะไรเลย(เต๋าว่า ถ้าสูเจ้าเอาสิ่งหนึ่งไปเปรียบเทียบกับอีกสิ่งหนึ่ง สูเจ้าจะไม่ได้อะไรเลย)
เชื่อมั่นในมนุษย์ รักทุกสรรพสิ่ง
ด้วยจิตนอบน้อม
ตุ๊ดตู่ ร่าเริง

From: Siriwatana Kengdham
Sent: พ. 15/2/2555 0:42
To: Tinnara Buaket; Sakun Pitikraisorn; Chamkae Pakdikam; Jaroonlak Rattanamongkolsak
Cc: Sujittra Prairat; Pavichtri Sai-intavongse; Jaroonlak Rattanamongkolsak; Kunha Kasemchainan; Pavichtri Sai-intavongse; Amnouy Larpchatroenwong; Anurak Unnahasirikul; Arnuparp Bangnart; Chanat Tantipong; Charintip Sompong; Chuchart Markaew; Jaruek Dusitsawat; Jeeraporn Wongsapan; Lakkana Klompong; Lakkana Suksaguaon; Nantana Rojlertjanya; Nisa Sangkrajai; Noppadol Burasirirug; Nualnapa Tangkavachiranon; Numping Keosonthi; Orapin Pattmasri; Pavichtri Sai-intavongse; Pongsit Sirirerkudomporn; Pornpong Porpraphant; Pramote SangHongsa; Ratchanee Panutai; Rudklao Chantananasmit; Sakda Chuenka; Sanphet Pruksaritanon; Sarun Leangudom; Somsak Piyapanee; Somwang Phulsombat; Songklot Somesakul; Songpol Lim-im; Suchantra Kiewrumpha; Suchitra Suthinsak; Supaphong Tridecha; Supod Jaiklar; Surapol Vongrat; Surasit Pleedee; Sutee Watchalayann; Thaweesak Srisuwan; Thirachat Vorathira; Tinnagron Vramusik; Umaporn Watanawibool; Vachira Haleelamean; Vallop Suksod; Vijan Nuvongsri; Weerapong Thipsukhum; Werasak Tongtip; Wuttichai Siriswat; Waewsiri Waewsritim; Tikumporn Chumpa
Subject: RE: สืบเนื่องจากเมล ...ศุลการักษ์ตาทิพย์


From: Tinnara Buaket
Sent: อ. 14/2/2555 18:52
To: Sakun Pitikraisorn; Chamkae Pakdikam; Siriwatana Kengdham
Subject: FW: สืบเนื่องจากเมล ...ศุลการักษ์ตาทิพย์
เรียนพี่ศากุน
ปรากฎการณ์แห่งความคิด
วงแชร์เล็กๆของคน กฟผ ทางอีเมล์ครับ
ขอแสดงความนับถือ
ทิณรา ปชส.โรงไฟฟ้ากระบี่


From: Jaroonlak Rattanamongkolsak
Sent: อ. 14/2/2555 15:48
To: Tinnara Buaket
Subject: สืบเนื่องจากเมล ...ศุลการักษ์ตาทิพย์
ถึง พี่เจี๊ยบ
สืบเนื่องจาก FW mail ; เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย ที่พี่ส่งมา
แตกประเด็นความคิด คน กฟผ. ได้อีก
เลยส่งมาให้อ่านค่ะ
เขาด่าแล้วไม่โกรธ ว่ายากแล้ว เขาชมแล้วไม่ยิ้ม ยากยิ่งกว่า
Jaroonlak Rattanamongkolsak


From: Panadda Glomaeing
Sent: อ. 14/2/55 15:07
To: Sujittra Prairat; Pavichtri Sai-intavongse; Jaroonlak Rattanamongkolsak; Siriwatana Kengdham; Kunha Kasemchainan
Subject: RE: ศุลการักษ์ตาทิพย์... (เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย) ..Tacit Knowledge ล้วนๆ

คัดลอกมาให้อ่านกันคะ ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นไตรลักษณ์ ทั้งนั้น นั่นคือ นิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสามัญลักษณะประจำของทุกสรรพสิ่งในโลก มันเป็นสิ่งสมมุติทั้งนั้น อย่าไปยึดติด อย่าไปเศร้าโศกเสียใจคร่ำครวญ ปลดปล่อยมันทิ้งออกไปแล้วใจจะว่างนะคะ กิเลส ตัญหา อุปทาน ก็จะไม่มี สิ่งที่ทำให้เราทุกข์อยู่ทุกวันนี้เป็นเพราะจิต ที่มันถูกเจตสิก สั่งการให้เป็น ให้ทำ ให้คิด โลภะ โทสะ โมหะ ทำในสิ่งที่เป็น อกุศล มากกว่าเป็นกุศล
การหันหน้าศึกษาธรรม” เป็นการซักฟอกจิตใจตัวเองให้สะอาด บริสุทธิ์ เพราะนี่คือหนทางรอดเพียงหนทางเดียวเท่านั้นของมนุษย์และสัตว์ที่ยังคงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวงสังสารวัฏนี้ จิตภาวนาการพินิจพิจารณาดูจิตของตัวเองให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ ถึงแม้นจะไม่รอดพ้นจากวิบากกรรมโดยสิ้นเชิง แต่นั่นก็หมายถึง แดนเกิดที่ไม่ใช่ อบายภูมิที่เป็นแดนของสัตว์นรกและภูตผีปีศาจทั้งหลายสิ่งสถิตเพื่อชดใช้กรรมอยู่ …..การเกิด…..การตายเป็นสิ่งคู่ที่น่าเบื่อที่สุด จงถอดถอนสิ่งนี้ออกมาเถิด การไม่เกิด การไม่ตาย เป็นสิ่งที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายควรทำให้แจ้ง เมื่อแจ้งแล้วความเห็นผิดของมนุษย์และสัตว์นั้นๆจะถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิงและจะเป็นสิ่งที่มนุษย์และสัตว์พึงรู้ได้เฉพาะตนเลยว่า ตนได้หลงเข้าไปอยู่ในที่ๆไม่ควรอยู่นั่นได้อย่างไรกัน มันช่างเป็นสถานที่ๆมืดบอดและดำสนิทหาความรื่นเริงบันเทิงใจไม่ได้เลยแม้แต่น้อยนิด เมื่อประจักษ์แจ้งแก่จิตตัวเองแล้วก็ไม่รอช้าที่จะบอกมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ยังหลงมัวเมาอยู่กับความมืดนั้นให้มารู้จักกับแสงสว่างที่แท้จริง…..สะอาด สว่าง สงบ เฉกเช่นดั่งแสงอาทิตย์ที่ไม่มีวันที่จะมืดได้อีก
อยากเรียนเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ ไปเรียนพระอภิธรรม กันดีกว่าคะ พระอภิธรรมที่เรียนเรียกว่า พระอภิธรรมมัตถสังคหะ เรียนมาแล้วคะ รู้สึกใจสงบมากๆ สิ่งที่เรารู้สึกว่าคิดไม่ดี ทำไม่ดี พูดไม่ดี จะถูกกระชากกลับมาพิจารณาใหม่ เป็นการไม่ต่อกรรมอีกต่อไปในภพหน้าค่ะ การเรียนเรียนแบบในโรงเรียนนะคะ มิใช่ไปนั่งวิปัสนาค่ะและ มีการสอบเลื่อนชั้นด้วยค่ะ
.... การเดินทางมีหลา ยเส้นทาง มีแบบอ้อมๆ ตรงๆ และทางลัด
สำหรับผู้ที่กำลังเดินทาง ไม่รู้ว่าอยู่ใน ทางไหน แต่เมื่อไรที่เจ อทางแยก
แล้วเจอทางนี้ ก็ลองมาวิ่งทางนี้ดู .... ส่วนผู้ที่กำลัง จะเดินทาง
อยากให้ลองเดินท างใช้ เส้นทางนี้ดู....เค้าว่าเป็นเส้น ตัดตรงนะ....
เมื่อรู้แล้วไม่ ใช้ไป .... ก็คงไม่ถึง..... เหมือนมีเทียน อยู่ในมือ
เมื่อไปในที่มืด ถ้าไม่จุดเทียน เทียนก็ไม่มีประ โยชน์.....

รีบจุดเทียน รีบเดินทางกันเห อะ....ให้มีความสุขควา มเจริญ พบทางที่สุดแห่ง กองทุกข์ ทั้งสิ้นเทอญ
ปนัดดา
ภาพแห่งมายา
มีผู้รู้ท่านหนึ่งเคยกล่าวเอาไว้ว่า โลกนี้คือโรงละครโรงใหญ่ ในขณะนั้นผู้เขียนฟังแล้วก็ยังรู้สึกเฉยๆ อาจเป็นเพราะผู้เขียนยังไม่เห็นถึงความสำคัญว่าเหตุใดผู้รู้ท่านนี้ถึงได้กล่าวอะไรเช่นนี้ เพราะสิ่งที่ผู้เขียนเห็นอยู่ในขณะนี้มันคือ โลกที่หลอมรวมและครอบทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้อย่างกับเป็นเนื้อเดียวกัน ปัญญาของผู้เขียนไม่สามารถจะเข้าไปรู้ในสิ่งที่ผู้รู้ต้องการจะให้เห็นตามความเป็นจริงได้เลย และอาจจะพูดได้ว่าขณะนั้นปัญญาของผู้เขียนยังมีน้อยนัก จึงได้แต่ความเข้าใจไม่สามารถเข้าถึงซึ่งสัจธรรมอันสูงสุดอันนี้ได้ แต่พอผู้เขียนปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆอย่างไม่ท้อถอยและเวลาก็ผ่านไป ผ่านไป สัจธรรมหรือความจริงก็เริ่มจะปรากฏให้เห็นทีละสิ่งทีละอย่าง จนวันหนึ่งความจริงหรือสัจธรรมอันสูงสุดนี้มันก็แจ้งครอบโลกครอบจักรวาลหาที่สุดหาประมาณไม่ได้ โลกนี้คือละคร โลกนี้คือมายา โลกนี้คือภาพลวงตา มันก็กระจ่างชัดขึ้น ชัดขึ้น และชัดขึ้น จนวันนี้จิตของผู้เขียนมันก็ได้แจ้งแล้วว่า ผู้รู้ท่านนั้นท่านไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างมันไม่ได้มีอยู่จริง ทุกอย่างที่เราเห็นกันนั้นเป็นภาพลวงตาทั้งสิ้น หากใครสามารถเห็นความจริงข้อนี้ได้ ผู้เขียนสามารถบอกได้เลยความ ความทุกข์ ที่ใครๆต่างก็ไม่ต้องการ จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเลยชั่วชีวิตนี้ ทำไมผู้เขียนถึงได้กล่าวเช่นนี้ ผู้อ่านลองสังเกตให้ดีนะว่า ความทุกข์ของเราทุกวันนี้มันเกิดจากอะไร มันเกิดจากสิ่งภ ายนอกทั้งสิ้นใช่ไหม สิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบสิ่งภายในที่เรียกว่า ใจ แล้วใจอันนี้แหละมันรู้ไม่เท่าทันต่อสิ่งภายนอก เมื่อไม่รู้เท่าทันเสียอย่างเดียวแล้ว ความทุกข์ของใจมันก็เกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะไปยึดมั่นถือมั่นต่อสิ่งภายนอกที่เข้ามากระทบสิ่งภายในที่เรียกว่า ใจ หากวันใดที่ผู้อ่านแจ้งต่อสิ่งภายนอกและเลิกยึดมั่นต่อสิ่งภายนอก ใจ ก็จะเป็นอิสระจากสิ่งร้อยรัดทั้งปวง ภาพต่างๆที่ปรากฏมันก็จะพลอยไม่มีความหมายใดๆไปด้วย ไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นภาพที่ยั่วยุจิตของผู้อ่านให้รู้สึกสุข-ทุกข์สักแค่ไหนก็ไร้ผล เพราะทุกอย่างได้กลายเป็นเมฆหมอกไปเสียแล้ว มันเป็นการยากนะที่จะชี้ให้เห็นถึงสัจธรรมข้อนี้ ต่อให้มันปรากฏอยู่เบื้องหน้าแล้วก็ตามก็ไม่สามารถจะชี้ให้เห็นด้วยตาเนื้อได้ เพราะสัจธรรมอันสูงสุดนี้มันเป็นส่วนของนามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ แต่สามารถเข้าถึงได้ด้วย จิต ที่เป็น อิสระ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และก็มีเพียงบุคคลจำนวนไม่มากนักที่สามารถเห็นถึงสัจธรรมความจริงข้อนี้ได้ ทำไมเขาเหล่านั้นถึงสามารถเห็นได้ ไม่ใช่เขาเป็นผู้วิเศษหรืออะไรหรอกนะ เขาก็เป็นเช่นคนธรรมดาๆอย่างเช่นพวกเราทุกคนนี้แหละ แต่ที่เขาเห็นได้เพราะเขาเหล่านั้นเป็นผู้ที่ไม่ท้อถอยต่อ กิเลส-ตัณหา ที่ต่างก็แห่กันมายั่วยุใจกันเป็นกองทัพ แต่เขาเหล่านั้นต่างมีจิตใจที่เข้มแข็ง บากบั่น และพากเพียรพยายามแหวกข้ามขวากหนามแห่งห้วงมหานทีแห่งกิเลส-ตัณหาออกมาได้จนสำเร็จด้วยตัวของเขาเอง หาได้มีสิ่งใดมาช่วยแบ่งเบาภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่แม้แต่น้อย ต่างคนก็ต่างมีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนโดยถ่ายเดียว เพราะเส้นทางนี้เป็นเส้นทางของผู้มาคนเดียวและไปคนเดียว จนถึงที่สุดแห่งการพากเพียรก็ได้พบสัจธรรมอันยิ่งใหญ่เป็น ธรรมชาติ ที่หาที่สุดมิได้ และนี่ก็คือผลแห่งการพากเพียรพยายาม มันคือผลแห่งการบากบั่น มันคือผลแห่งการไม่ยอมแพ้ อมฤตธรรม อันหอมหวานได้กลายมาเป็นบทสรุปของทุกสิ่งและทุกอย่างสำหรับผู้ปฏิบัติทุกท่านที่ไม่เคยรู้จักกับคำว่า พ่ายแพ้

สาธุธรรม
แก้วใส


From: Sujittra Prairat
Sent: จ. 13/2/2555 11:29
To: Pavichtri Sai-intavongse; Jaroonlak Rattanamongkolsak; Siriwatana Kengdham; Kunha Kasemchainan
Subject: RE: ศุลการักษ์ตาทิพย์... (เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย) ..Tacit Knowledge ล้วนๆ
กฟผ.ขอบคุณเราเมื่อทำงานครบ 20 ปี และเมื่อเราเกษียณอายุ
เราขอบคุณ กฟผ. ทุกครั้งที่จ่าย เงินดี ให้เราเลี้ยงชีพ เลี้ยงครอบครัว เพราะกิจการของ กฟผ.ยังประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติโดยรวม
ค่าของคนอยู่ที่ผลของใจ ใช้ใจมองสิ่งดีงามในตัวเราและในตัวเขา แล้วจะเห็นว่า การถูกแขวนลอย หรือ ถ่วงน้ำ มันเป็นเรื่อง จิ๊บ ๆ รักษาใจไว้ให้มีพลังส่งไปยังคนรุ่นใหม่ที่จะนำ กฟผ.ก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ปีหน้า จะจบภาระหน้าที่และบทบาทคน กฟผ.แล้ว ยังคิดว่าจะรวบรวมสิ่งดี ๆ ที่ผ่านมา และแผนการใช้ชีวิตเมื่ออายุหกสิบในกาลต่อไปให้ผู้สนใจฟังและร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งสาระ และความสุขสนุกสนานให้เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ดีของกันและกันตลอดไป.


From: Pavichtri Sai-intavongse
Sent: Friday, February 10, 2012 10:30 AM
To: Jaroonlak Rattanamongkolsak; Sujittra Prairat; Siriwatana Kengdham; Kunha Kasemchainan
Subject: RE: ศุลการักษ์ตาทิพย์... (เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย) ..Tacit Knowledge ล้วนๆ
คนดีดีในหน่วยงานนั้นมีมาก แต่กำลังจะตายไปพร้อมกับองค์การ หรือจากไปก่อนเวลาอันควร หลายคนไปทำประโยชน์ให้กับที่อื่นและอีกหลายคนหาความสุขให้ตนเองในมุมที่สงบ อาจเป็นเพราะองค์การไม่เห็นคุณค่าของเขา หรือมองข้าม(ตายาว)ทั้งที่ทุกคนมีคุณค่า มีความเก่งที่หลากหลาย แต่ขาดโอกาส และแรงสนับสนุน หรืออีกอย่างก็คือ มีแบ็ค นั่นเอง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ที่กำลังประสพเหตุเช่นนี้ คือถูกแขวนลอย หรือ ถ่วงน้ำ ไม่เป็นไรนะคะ จงภูมิใจว่า ท่านได้ทำดีที่สุดแล้ว ท่านย่อมรู้จักตัวเองมากกว่า คนอื่น
เข้มแข็งไว้ (อันนี้ปลอบใจตัวเอง)


From: Jaroonlak Rattanamongkolsak
Sent: Friday, February 10, 2012 9:48 AM
To: Amnouy Larpchatroenwong; Anurak Unnahasirikul; Arnuparp Bangnart; Chanat Tantipong; Charintip Sompong; Chuchart Markaew; Jaruek Dusitsawat; Jeeraporn Wongsapan; Lakkana Klompong; Lakkana Suksaguaon; Nantana Rojlertjanya; Nisa Sangkrajai; Noppadol Burasirirug; Nualnapa Tangkavachiranon; Numping Keosonthi; Orapin Pattmasri; Pavichtri Sai-intavongse; Pongsit Sirirerkudomporn; Pornpong Porpraphant; Pramote SangHongsa; Ratchanee Panutai; Rudklao Chantananasmit; Sakda Chuenka; Sanphet Pruksaritanon; Sarun Leangudom; Somsak Piyapanee; Somwang Phulsombat; Songklot Somesakul; Songpol Lim-im; Suchantra Kiewrumpha; Suchitra Suthinsak; Supaphong Tridecha; Supod Jaiklar; Surapol Vongrat; Surasit Pleedee; Sutee Watchalayann; Thaweesak Srisuwan; Thirachat Vorathira; Tinnagron Vramusik; Umaporn Watanawibool; Vachira Haleelamean; Vallop Suksod; Vijan Nuvongsri; Weerapong Thipsukhum; Werasak Tongtip; Wuttichai Siriswat; Waewsiri Waewsritim; Tikumporn Chumpa
Subject: FW: ศุลการักษ์ตาทิพย์... (เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย) ..Tacit Knowledge ล้วนๆ
ถ้าท่านทราบ ท่านเห็น บุคคลแบบนี้ในหน่วยงาน
อย่าลืมแจ้ง และช่วยกันเผยแพร่ให้รู้จักนะจ๊ะ
เขาด่าแล้วไม่โกรธ ว่ายากแล้ว เขาชมแล้วไม่ยิ้ม ยากยิ่งกว่า
Jaroonlak Rattanamongkolsak


From: Tinnara Buaket
Sent: พ. 8/2/55 9:07
To: Thanakon Na Phattalung; Thianchai Samangsri; Ganchala Mahitthiharn; Apinan Wannadee; Pronthep Krittayakasem; Prinya Sarachai; Chuchat Sangob; Derek Vanittantiphong; Luechai Thosakul; Jaroonlak Rattanamongkolsak; Veerapong Kanjanopas; Vimonchai Mongkol; Throngpan Hamtanonth; Yuppadee Thongbaiyai
Subject: FW: ศุลการักษ์ตาทิพย์... (เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย) ..Tacit Knowledge ล้วนๆ
พี่ศากุน เขียนถึงการชื่นชมผู้รู้ สไตล์ คน กฟผ. โดนใจมั๊กๆๆ
From: Sakun Pitikraisorn
Sent: Tuesday, February 07, 2012 12:43 PM
To: Amporn Saengsukdee; Anan Siruntavineti; Anuruth Krisawong; Apirak Jetapai; Banjong Sriburin; Boontoom Chanapun; Buaban Utvanna; Chamkae Pakdikam; Chanod Sripornwattana; Charin Karnjanarat; Chatchai Mairieng; Chatthawat Thanarotwanit; Dujruedee Sinthumongkol; Jirachai Srisombat; Jirayuth Tonsakul; Jitdee Praditngam; Kasem Norasing; Nattida Sirihirun; Orathai Srisink; Pairush Soontrapiromsook; Panadda Glomaeing; Phukphu Kaewkriengkrai; Phunvadee Udchachon; Pichit Chuadthong; Pinij Ningunha; Pithsanu Tongveerakul; Poomjai Armararatana; Pramoth Yiemthanarak; Prasarn Aimwattana; Preecha Srinoi; Rungsit Kaewwhungsakool; Samnao Jumpook; Sayan Pansang; Seeroong Nuntivacharin; Siriwatana Kengdham; Sitthichon Boonkaew; Somphong Kammaha; Somsak Faphitak; Somsak Wangvittaya; Suinthorn Daoprasert; Sumran Junya; Suparerk Perapongpun; Surachai Vaitayavinyoo; Sutin Choochart; Thanadol Pinsakol; Thepparat Theppitak; Vichedt Pisitamornchai; Vuthipong Sukprom; Wichai Amornpatanawat; Wuthikul Sangsri; ธวัช หมัดเต๊ะ
Subject: FW: ศุลการักษ์ตาทิพย์... (เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย) ..Tacit Knowledge ล้วนๆ
เชอร์ล็อคโฮมเมืองไทย
กระบี่มือหนึ่ง - ศุลกากรตาทิพย์ 9 nov.10
ตัวอย่างของบุคคลที่สั่งสมประสบการณ์ เพิ่มพูน Tacit Knowledge จนเก่งระดับอัจฉริยะ !
โปรดสังเกตุเทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ด้วย เพื่อเทียบกับงานด้านเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้า รวมถึงงานอื่นๆ ว่าคนที่ทำงานนั้นๆมายาวนาน ก็สั่งสมประสบการณ์จนเชี่ยวชาญเช่นกัน คนเหล่านี้มีเทคนิคเป็นของตนเอง คิดเครื่องมือใช้ในการทำงานด้วยตนเอง ทำประโยชน์ให้โรงไฟฟ้าสามารถเดินเครื่องผลิตไฟและสร้างรายได้ให้แก่ กฟผ.มากมาย แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับมอบเหรียญยกย่องใดๆ จนปีสุดท้ายก่อนเกษียณจึงมีการชื่นชม ร่ำลา และมอบของที่ระลึกที่แต่ละหน่วยงานมอบให้กัน
คนเหล่านี้ กฟผ. มอบของที่ระลึกเพื่อขอบคุณอยู่ 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก..ขอบคุณที่อยู่ทนมาถึง 20 ปี ครั้งที่สองหรือครั้งสุดท้าย..ขอบคุณที่อยู่ทำงานมาถึงเกษียณอายุ
ผู้บริหารทุกหน่วยงาน กรุณาอย่าลืมคนทำงานเหล่านี้ มีโอกาสชื่นชมและยกย่องกันก็รีบทำเถิด โอกาสหรือนาทีทองของการสร้างกัลยาณมิตรและส่งเสริมต้นแบบที่ดีไม่ได้ผ่านมาบ่อยๆ เมื่อใดมีจังหวะที่ดีก็จงรีบฉวยโอกาสนั้นไว้ เมื่อถึงยามจากกัน คนที่ยังอยู่ก็ไม่มีวันลืมคนที่เกษียณ คนที่เกษียณก็ไม่มีวันลืมคนที่ยังอยู่ สายใยความสัมพันธ์ที่ดีๆ ล้วนสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมเสมอ เมื่อถึงวันที่เราก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอีก 3 ปีข้างหน้า เราจะได้จะก้าวอย่างเข้มแข็ง ร่วมแรงร่วมใจกัน ก้าวไปด้วยกันอย่างมีความสุข พร้อมเผชิญอุปสรรคทุกอย่างที่ขวางหน้าค่ะ