วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กรรมะสานใจ : ทำคิด (4) พินิจ นิลกัณหะ



ผ่านงานทำ ทุกเรื่อง ด้วยใจตน
คิดและค้น บนทาง ที่สัมผัส
อุปกรณ์ วงจร เครื่องมือวัด
เรียนรู้จัด สร้างเสริม เติมคนงาม
คือปราชญ์ผู้ นำสู่ ลู่ทางทำ
เมื่อลูบคลำ คลี่คลาย ให้หายถาม
ทำแล้วคิด จิตจด จ่อทุกยาม
ความรู้มือ หนึ่งสอง ปรากฎผลัน
ครั้งผีเสื้อ เมื่อสยาย ปีกกระพือ
คนยึดถือ อธิบาย ขยายฝัน
สอนผู้คน สอนครู ไปด้วยกัน
แข็งอ่อนผัน "กระทิง" วิ่งเข้าชน
คุณภาพ และระบบ ครบเครื่องหมด
เข้าใจกฎ ตรวจตรา หาเหตุผล
คิดทำสอน สอบเสร็จ คือตัวตน
ทำจน "อะรูมิไร้" ไปตามกรรม
พยายาม กระทำไป จึงได้ผล
เหตุที่ดี จึงดล ผลดีล้ำ
คือแบบอย่าง อยู่เป็น เห็นจดจำ
ผู้ทำคิด "พินิจ นิลกัณหะ"เอย


กรรมะสานใจ : คู่ให้ (3) วิบูลย์ ไพโรจน์ฤทธิ์


สร้างตัวตน บนทาง เปื้อนฝุ่นดำ
ยังจดจำ ผ้าใบ คลุมถ่านหิน
ทำเครื่องวัด การไหล สายพานยิน
ซอฟต์แวร์สิ้น สรรหา มาใช้งาน
ชอบและใช้ ไอที ที่ค้นคว้า
จึงนำพา มาพบ บรรจบสาน
ได้มาทำ แทนที่ ในการงาน
และจึงผ่าน เวลา มาร่วมกัน
บนหนทาง ผู้ให้ แนวคิดคู่
บรรยายดู สอดรับ สร้างสิ่งฝัน
ให้ความรู้ รับให้ ไปนานวัน
สาระพัน เพื่อนทำ นำกันไป
สรรพสิ่ง ทุ่มทำ สำเร็จล่วง
งานทั้งปวง สรรค์คน ทำของใหม่
ทำเป็นทีม ทุ่มเท ทั้งกายใจ
โอกาสให้ ได้รู้ เรื่องเกี้อกูล
ระยะกาย สองเรา เหมือนไกลห่าง
ระยะใจ ของเรา เหลือเพียงศูนย์
ทุกครานึก พลังใจ ให้เพิ่มพูน
คือ"วิบูลย์ ไพโรจน์ฤทธิ์" จิตงดงาม


วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กรรมะสานใจ :โอกาส (2) ศากุน ปิติไกรศร


ผมพบกับคุณศากุน ตั้งแต่เมื่อศูนย์เชี่ยวชาญสายงานผลิตไฟฟ้าถูกยุบ และผมได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณพี่สามารถ สุทธางคกูล ต่อมาเมื่อมีการอบรมการจัดการความรู้จึงได้รับโอกาสมากมายจากเธอ ผมได้เป็นผู้ร่วมคนหนึ่งในทีมงานเพื่อผลักดันให้มีการพัฒนา กฟผ. สายงานผลิตไฟฟ้าไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ผมได้เรียนรู้มากมายและได้รับประสบการณ์ดีๆ ระลึกถึงเธอเสมอ แม้เกษียณอายุแล้วเธอก็ยังให้โอกาสผมเสมอมา ขอขอบคุณด้วยจิตนอบน้อม


"อิ่ง สายสาม" งามงด และสดชื่น  
เธอหยัดยืน ยิ่งใหญ่ ด้วยใจสู้
นำพาคน งานองค์การ ก้าวไปสู่  
การเรียนรู้ แพร่ขยาย ในสายงาน
ผ่านแผนหนึ่ง แผนสอง ที่ยากยิ่ง  
แต่ทุกสิ่ง ผ่านไป ได้ประสาน
ความรู้นอก คนใน ใช้ดวงมาน  
ถึงเหตุการณ์ ผันผวน ไม่รวนเร
ให้ความรู้ แก่คน ทั้งสายงาน  
กระบวนการ วิทยากร ผสมผเส
แล้วความรู้ ใหลหลั่ง ประดังประเด  
ด้วยทุ่มเท กายใจ ให้กับให้
ยามยืนนำ หน้าห้อง งามสง่า  
มีวาจา นุ่มนวล กระจ่างใส
เรื่องว่ายาก ยามเสนอ ชัดเจนใจ  
สุขุมใน ท่าทาง นางพญา
บนเส้นทาง ยิ้มไว้ ใฝ่ผจญ  
เธอคือคน นำคน ไปข้างหน้า
ท้อไม่ได้ ทำไป ในทุกครา  
คือคุณค่า คนจริง "อิ่ง สายสาม"

วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้



ถักทอเครือข่าย
เครือข่าย(CFT / CoPs) ที่ สายงานผลิตไฟฟ้าและสายงานธุรกิจ ได้จัดตั้งและสนับสนุนให้มีขึ้นนั้น มีที่มาต่างกัน สายผลิตจัดตั้งเครือข่ายในลักษณะคณะทำงานวิชาชีพที่มีการมอบหมายโดยกำหนดบุคคล ในขณะที่ สายงานธุรกิจ ได้สนับสนุนให้มีการรวมตัวกันอย่างไม่ได้บังคับโดยตรง แม้จุดกำเหนิดต่างกันแต่ในทางปฏิบัติ เครือข่ายของทั้งสองเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง กำเนิดมาจากแหล่งเดียวกันสมัยเมื่อยังเป็นหน่วยงานเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2550 ที่มีการขับเคลื่อนกัน
ในอดีตความเข้าใจเรื่องเครือข่ายคนทำงานนี้ยังมีความคลาดเคลื่อนและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ได้ใส่ใจจากนัก เพียงแต่ให้ทำงานไปตามหน้าที่ เมื่อผ่านมาเป็นระยะเวลาหนึ่งการเริ่มที่ช้า ความไร้พลังแต่ก็ยังมีความพยายามขับเคลื่อนไป พลังต่างๆของเครือข่ายเริ่มมากขึ้น เนื้อหา(Domain)ได้รับการใส่ใจ ชุมชน(Community)มีผู้เข้าร่วมมากขึ้นทั้ง ผู้สนับสนุนหลัก (Core Team)และผู้ปฏิบัติงาน(Practitioners)ตัวจริง  การหล่อเลี้ยง(Cultivating) โดยผู้บริหาร(Leader)ได้ให้ความสนใจและใช้เครื่องมือนี้เป็นประโยชน์มากขึ้นโดยให้โจทย์และติดตามรับทราบ เข้าร่วมอย่างสม่ำเสมอ ชุมชนมีพื้นที่พบปะแลกเปลี่ยนกันทั้งพื้นที่จริงและพื้นที่เสมือนสำหรับพื้นที่จริงมีหลายระดับทั้งภายในหน่วยงาน และระดับสายงาน ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่เก็บความรู้อย่างเป็นระบบเข้าถึงสืบค้นได้ง่าย
การเติบโตของเครือข่ายนี้จะไม่เป็นเส้นตรง จะเพิ่มมากขึ้นในลักษณะ Exponential ที่จะเพิ่มมากเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
การถักทอเครือข่ายอย่างจงใจจะทำให้เตรือข่ายมีชีวิตชีวา การเห็นความสำคัญของเครือข่ายและผลงานของเครือข่าย นำมาซึ่งความคาดหวังของสายงานที่ต้องการให้เครือข่ายได้ใช้ความรู้สร้างนวัตกรรมอันเป็นผลจากความรู้ได้ถูกนำมาใช้ในการปฏิบัติงานผนวกกับ เครือข่ายมีสมาชิกที่มีจิตแห่งวิทยาการ (Disciplined Mind) พยายามเป็นเลิศในตน(Personal Mastery)
...ยังมีต่อ...

วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ก้าวย่างบนทางรู้



ได้รับที่จะนำพาการสัมมนาของหน่วยงานหนึ่งไปสู่การเชื่อมโยงคนในหน่วยงานที่อยู่กันคนละที่ทำงานอย่างเดียวกันในแต่ละกลุ่มแต่มีหลากหลายกลุ่ม ประมาณว่าสิบกลุ่มหลักจำนวนคนประมาณ 130 คน เป็นคนที่จะเป็นหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดความรู้ในองค์กร
สร้างสรรค์ร่วมกันเกิดเป็นการสัมมนาสองวัน
เราจะเริ่มด้วยการให้คนพร้อมที่จะเรียนรู้ด้วยการทำกิจกรรมรู้ตัวทั่วพร้อม อันนี้ได้มือโปร อ.สำเณาว์ จุมพุก(เนาว์ คนเหนือ)เมื่อพร้อมการเรียนรู้ก็จะเกิดขึ้น
ถึงเวลาถักทอเครือข่าย โยงใยอดีต จุดประสงค์คือให้คณะผู้ขับเคลื่อนแบ่งปันปัญหาและอุปสรรคให้แก่กันและกันในลักษณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้หลังจากนั้นเราจะต่อด้วยการนำเสนอว่าองค์กรคาดหวังสิ่งใดจากผู้ขับเคลื่อนเหล่านั้น ด้วยกิจกรรมความคาดหวัง พลังจากใจ จุดประสงค์คือให้ CFT/CoPs ทราบว่าองค์กรอยากเห็นเขาเป็นอย่างไร เมื่อทราบบทบาท ทิศทางและเป้าหมายแล้ว คำถามต่อมาคือ CFT/CoPs  จะอยู่อย่างยั่งยืนได้อย่างไร ในบทบาท ทิศทางและเป้าหมายที่เขาต้องไป
หลังจากนั้นเขาจะเชื่อมโยงเป้าหมายขององค์กรมาเป็นเป้าหมายของเขาได้อย่างไร จบกิจกรรมนี้เขาจะนำเสนอเป้าหมายที่เข้าใจต่อกลุ่มชน หลังจากนั้นขาจะดูว่าเขาจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้อย่างไร เส้นทางที่เขาจะไปเป็นอย่างไร จบนำเสนอเส้นทางที่ก้าวย่าง พร้อมด้วยคำสัญญาจบแล้ว นำไปทำต่อได้อย่างไร