วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

วันแรกหลังออกพรรษา

วันนี้ยังมีเมฆดำ ฝนตกพรำหลังพรรษา เวลาที่ฝนควรหยุดตกแล้ว
พรรษาที่ผ่านมาไม่ได้ตั้งจิดทำอะไรเป็นพิเศษ คงเป็นภาวะซึมเศร้าที่เป็นมาสองปีแล้ว
ออกพรรษาปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ที่ไม่เปลี่ยนคือผู้คนยังคงมีเมตตาต่อกันน้อย อดทนต่อกันน้อย

ปรารถนาให้ผู้คนได้สนใจพระปริตรบทนี้บ้างเผื่อโลกจะเย็นลง

กรณียเมตตปริตร

1. กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ . . . . . . . ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ . . . . . . . . . . . . สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
กิจที่คนฉลาดในสิ่งที่มีประโยชน์ และมุ่งหมายจะบรรลุทางสงบ จะพึงทำ
ก็คือ เป็นคนกล้า, เป็นคนซื่อ, เป็นคนตรง, ว่าง่าย, อ่อนโยน, ไม่เย่อหยิ่ง

2. สันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ . . . . . . . .อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติ
สันตินท์ริโย จะ นิปะโก จะ . . . . . . . . อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
เป็นผู้สันโดษ, เลี้ยงง่าย, มีภาระกิจน้อย, คล่องตัว, ระมัดระวังการแสดงออก,
รู้ตัว, ไม่คะนอง, ไม่คลุกคลีในตระกูลทั้งหลาย

3. นะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ . . . . . เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ . . . . . . . . . . . . สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ไม่ประพฤติสิ่งที่วิญญูชนตำหนิติเตียนได้, พึงแผ่เมตตาจิตว่า ขอสัตว์ทั้งปวง
จงมีความสุขกายสบายใจ มีความเกษมสำราญเถิด

4. เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ . . . . . . . . . . ..ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา . . . . . . . . . . .มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
ขอสัตว์ทั้งหลายบรรดามี ที่เป็นสัตว์ตัวอ่อน หรือตัวแข็งก็ตาม เป็นสัตว์มีลำตัวยาว หรือลำตัวใหญ่ก็ตาม มีลำตัวปานกลาง หรือตัวสั้นก็ตาม ตัวเล็กหรือตัวโตก็ตาม

5. ทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา . . . . . . . . . เย จะ ทูเร วะสันติ อะวิทูเร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา . . . . . . . . . . . . .สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
ที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นก็ตาม ที่อยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ก็ตาม ที่เกิดแล้ว หรือกำลังหาที่เกิดอยู่ก็ตาม ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นจงสุขกายสบายใจเถิด

6. นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ . . . . . . . . .นาติมัญเญถะ กัตถะจิ นัง กิญจิ
พ์ยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา . . . . . . .นาญญะมัญญัสสะ ทุกขะมิจเฉยยะ
บุคคลไม่พึงหลอกลวงผู้อื่น ไม่ควรดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ไม่ควรมุ่งร้ายต่อกันและกัน เพราะมีความขุ่นเคืองโกรธแค้นกัน

7. มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง . . . . . . . . . . อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ . . . . . . . . . . . . . . มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
คนเราพึงแผ่ความรักความเมตตา ไปยังสัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้ ดุจดังมารดาถนอม และปกป้องบุตรสุดที่รักคนเดียวด้วยชีวิตฉันนั้น

8. เมตตัญจะ สัพพะโลกัส์มิง . . . . . . . . .มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะ ติริยัญจะ . . . . . . . . . . อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
พึงแผ่เมตตาจิต ไม่มีขอบเขต ไม่คิดผูกเวร ไม่เป็นศัตรู อันหาประมาณไม่ได้ ไปยังสัตว์โลกทั้งปวงทั่วทุกสารทิศ

9. ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา . . . . . . . . . . . สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะธิฏเฐยยะ . . . . . . . . . . พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ตลอดเวลาที่ตนยังตื่นอยู่ พึงตั้งสติ อันประกอบด้วยเมตตานี้ให้มั่นไว้ บัณฑิตทั้งหลายกล่าวว่า การอยู่ด้วยเมตตานี้ เป็นพรหมวิหาร (การอยู่อย่างประเสริฐ)

10. ทิฏฐิญจะ อะนุปะคัมมะ สีละวา . . . . .ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง . . . . . . . . . . . . . .นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ
ท่านผู้เจริญเมตตาจิต ที่ละความเห็นผิดแล้ว มีศีล มีความเห็นชอบ ขจัดความใคร่ในกามได้ ก็จะไม่กลับมาเกิดอีกเป็นแน่แท้
 
(คัดลอกและตัดทอนภาษาอังกฤษออกจาก
ขอขอบพระคุณไว้ ณ ที่นี้)

มุ่งหวังให้ความเมตตาและอดทนดำรงเพื่อความเป็นสังฆะของคนได้วัฒนาไป

ด้วยจิตนอบน้อม



วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ความเป็นไปตามเหตุปัจจัย : บังคับไม่ได้ ตอบสนองได้

เมื่ือหลายวันที่ผ่านมา มิตรสหายจากแดนไกลมาถึงถิ่นพำนัก ตั้งใจว่าจะไปเสวนาด้วยสักครั้งสองครั้ง เขาพำนักกันหลายวัน แต่เหตุและปัจจัยไม่เอื้อให้
ก่อนมิตรสหายมา บุตรชายเอามอเตอร์ไซด์ไปชนรถยนต์ มอเตอร์ไซด์พอขับขี่ได้ คนเจ็บเล็กน้อยที่เท้าเดินไม่สะดวกลำบากและต้องทนเพราะเป็นช่วงสอบปลายภาคด้วย ส่วนคดีความเราเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายถูกไม่ได้ให้เบอร์โทรและข้อมูลใดมีเพียงทะเบียนรถ ด้วยความช่วยเหลือของลูกน้องเก่าผู้ใจดีพึ่งได้ตลอดควานหาให้จนเจอว่าอยู่ที่ใด ตามไปเคลียร์ถึงบ้าน ใช้เวลาสองวันกว่าจะลงเอยได้ ระหว่างนั้นต้องคอยรับส่งบุตรเพื่อให้ไปสอบได้
เหตุปัจจัยยังมีต่อ ในระหว่างมิตรสหายมาในวันฝนตกคราวเคราะห์ ภรรยาลื่นหกล้มก้นกบกระแทกพื้นเดินไม่ได้อยู่เป็นวันสองวัน ตอนนี้พอสบายขึ้นบ้างเดินได้แต่ลุกนั่งลำบากต้องคอยประคอง
ผลคือต้องคอยดูแลทั้งสองคนด้วยความห่วงใย และไม่ได้เสวนากับมิตรสหายสักคน
เราบังคับเหตุปัจจัยไม่ได้ แต่ตอบสนองเหตุการณ์ได้
ได้เท่าที่ปัญญาจะพาไป

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

บนทางที่ไม่อาจเดิน: ไม่ไหวแล้ว

เรื่องเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ในองค์กร
เริ่มจากน้องที่รับผิดชอบด้านการองค์กรแห่งการรู้และนวัตกรรมได้ส่งข้อความทาง Line คล้ายๆ อย่างนี้ว่า
อ. พี่คะตอนนี้น้องได้ บท. (นักสร้างนวัตกรรม) มาอยู่ด้วยแล้วและมีหนุ่ม จ. จาก บำรุงรักษา มาอีกคน คนนี้คล้าย อจ.พน. สมัยหนุ่ม จ.บอกว่า BAR&AAR เป็นอะไรที่งี่เง่า และ จ. ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้ผู้บริหารอ่านและให้ความเห็น จ. ไม่เข้าใจ ส่วนผู้บริหารที่เป็นประธานคณะทำงานจัดทำแผนแม่บทองค์กรนวัตกรรม เป็น ดร.บส. ดร.ทางวิศวไฟฟ้า ไม่เห็นว่าต้องมี Tacit Knowledge เพราะทุกอย่างอยู่ใน ทฤษฎีอยู่แล้ว Tacit Knowledge เสียอีกเชื่อไม่ได้ ฝ่ายที่ซ่อมสร้าง ก็ไม่ใช้ BAR&AAR ส่วน CoPs เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วดับไป เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เรื่องเล่าแบบ Tacit Knowledge จึงไม่มี เขาทำแต่เรื่องนำเสนอหรือบรรยายกัน จะได้ใช้โฆษณากับลูกค้าได้ด้วย ดูท่าจะเกินกำลังของน้องจริงๆ ผู้บริหารสูงสุดที่รับผิดชอบก็ไม่ชอบสักเท่าไร และกระแทกว่าโบราณด้วย ส่วนน้อง ด.(วิศวกรไฟฟ้าระดับผู้บริหาร) ต้องการแบบต้นแบบที่สำเร็จบางทีึ่ เช่น บปก. แต่ท่าจะยาก ลำพังตัวน้องคนเดียวมองไม่เห็นทางซะแล้ว
ผมขอทบทวนก่อน และให้ความเห็นว่า แสงสว่างมีแน่ ทางอาจไม่ชัดเจนในยามมืดมิด แม้คนไร้ตายังเดินทางได้ ปัญญาจะนำพาไปในฝันอันมั่นคง

ทบทวนได้ดังนี้
สภาพหน่วยงาน ที่มีคนจำกัดและต้องขับเคลื่อนองค์กรที่มีขนาดใหญ่ เป็นเรื่องท้าทายสำหรับผู้นำหน่วย คือน้อง อ. และท้าทายยิ่งขึ้นไปอีกคือ นอกจากภาระงานที่จะต้องทำยังต้องบริหารคนในหน่วยงาน ที่เป็นวิศวกรทั้งหมดด้วย ความเห็นผมคือเครื่องมือที่ใช้คือการบริหารบนหลักการของการจัดการความรู้ พื้นฐานคือเชื่อมั่นในศักยภาพและความเป็นมนุษย์ ที่ต้องการความรัก เข้าใจและยอมรับ เชื่อมั่นสัมพันธภาพแห่งคนทีจะให้ความรักและเกื้อกูลบนทางแห่งสุนทรียสนทนาเพื่อการเติบโตไปอย่างมั่นคง เชื่อมั่นในเกลียวความรู้ การหมุนวนระหว่าง Tacit Knowledge & Explicit Knowledge อ้ันจะนำไปสู่นวัตกรรม
จากสิ่งที่ อ. ระบายมานี้เข้าใจว่าระหว่างระบายไปได้เห็นทางบางประการบ้างแล้วทั้งทางสู้และทางหนี สำหรับผมซึ่งเป็นผู้อยู่ห่างไกลและไม่เห็นทั้งหมดมีความเห็นบางประการที่อาจเป็นประโยชน์บ้าง ดังนี้
ประเด็นเรื่องคน
เชื่อมโยงคนทั้งหมดในหน่วยงานเข้าหากันให้ได้ ด้วยการจัดการสนทนา สุนทรียสนทนา เชื่อมคนทั้งหมดในหน่วยงาน การงานเป็นสะพานเชือมความรัก เอาหัวเรื่องที่กังวลใจไปสู่การแลกเปลี่ยน ฟังและฟัง เชื่อมสรรพสิ่งด้วยการฟัง เป็นความจำเป็นที่จะต้องเชื่อมคนให้ได้ จึงจะมีพลัง ทำจุดประสงค์ร่วมให้ชัดเจน นำจุดประสงค์มารวมกัน พึงระวังความคิดของแต่ละคนไม่อาจนำมารวมกันได้ แต่นำด้วยจุดประสงค์ สร้างจุดประสงค์ร่วมจากภาระหน้าที่ ย้ำเตือนภาระเพื่อกระชับจุดประสงค์ อันนี้เป็นศิลปะที่ต้องทำแบบอ้อมๆ อย่าให้กระทบ Ego อัตตาของแต่ละคน
ประเด็นเรื่องเครื่องมือ
สามเครื่องมือหลักคือ BAR&AAR, Storytelling & CoPs แก่นของมันคือ สร้างและใช้ความรู้ เกลียวความรู้ที่หมุนไปยกระดับ ดังนั้น มันเป็นอุบายที่ทำให้คนสนใจและจัดการสิ่งอื่นๆ ต่อไป จุดหมายคือ นวัตกรรม อันเป็นผลผลิตสุดท้าย เมื่อมุ่งในจุดประสงค์ ความคิดก็ไม่จำเป็นต้องขัดแย้งกัน แม้คิดต่างกัน
เริ่มจาก Explicit Knowledge การบรรยาย ก็ได้ และต้องดูที่การนำไปใช้ ใช้แล้วก็มาบรรยายอีกยิ่งดี  ดูวงจร SECI ให้ดี มันเป็นการแลกเปลี่ยน กันระหว่าง EK และ TK อยู่ตลอดเวลา สำคัญที่เกลียวความรู้หมุนวนเร็วเท่าไรนวัตกรรมมาเร็วเท่านั้น
ประเด็นคณะทำงาน
เริ่มจากความเชื่อของเขา ทำจากสิ่งที่เขามี ฟังและฟัง สอบถามซักถามเพื่อให้แจ่มชัดในวัตถุประสงค์ กระชับวัตถุประสงค์ เราเอาวัตถุประสงค์รวมกันได้ แต่เอาความคิดมารวมกันได้ยาก สำหรับการกระทำต้องเป็นไปตามความสามารถและความตั้งใจ แผนเราเป็นเจ้าของร่วมกัน ทำร่วมกัน

อันที่เขียนมานี้เป็น ประสบการณ์ที่ผ่านมา ประกอบกับความคิด บริบทอาจไม่ตรงกันต้องปรับใช้นะครับ
ที่เขียนนี้ EK ไม่อาจบรรยาย TK ได้ครอบคลุม สนทนากันสอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ หวังว่าคงมีแสงสว่างบ้าง
ด้วยจิตนอบน้อม

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2559

ฟังให้ได้ยิน

เมื่อไม่นานนี้มี่เรื่องคนถามเรื่อง ค่าไฟฟ้าที่แพงและบอกว่ามาจาก Ft ตามรูป

คนกฟผ. ออกมาตอบโต้มาก และเรียกร้องให้ช่วยกันอธิบาย เรื่องค่า Ft. เป็นการใหญ่
เราอาจเห็นได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการเข้าใจผิด แล้วเอาความเข้าใจถูกของเราไปนำเสนอให้เขารับ และร่วมด้วยช่วยกัน

ประเด็นคือเรามัวสนใจแต่รายละเอียด ไม่ได้สนใจความรู้สึกของเขา

เราไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อปกป้องตัวเอง และไม่เรียนรู้อะไรเลย

(ยังมีต่อขอหาของประกอบก่อน)

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

ความคิดติดวน

เมื่อปีที่แล้วได้เดินทางไปบรรยายให้แก่ หน่วยงานที่ผมจากมา(เกษียณ)แล้ว 3 ปี ไม่ได้คิดอะไรมาก ไปบรรยายให้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณหน่วยงานด้วยประสบการณ์ที่มี
บางครั้งไปบรรยายให้ฟรี ไม่คิดแม้กระทั่งค่าเดินทาง บางครั้งไปประชุมก็ไม่ได้คิดค่าเดินทาง มีอยู่ครั้่งหนึ่งไปบรรยายแบบนี้แหละ ตอนรับค่าตอบแทนวิทยากรน้องๆ ที่เห็นตอนรับเงินก็ดูว่ามาก มันก็มากพอสมควรนะ พอเดินทางกลับมาถึงบ้านมี Line เป็น Line ส่วนตัวมาจากน้องขอให้คืนเงิน ประมาณ ร้อยละ 33 ของที่รับมา ก็มากเหมือนกัน ตอนนี้ไม่มีน้องๆ เห็น อีกสองสามสัปดาห์ต่อมาได้เห็นใน Line กลุ่ม น้องๆ ขอคำปรึกษาระหว่างกันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงรับรอง น้องคิดว่าเบิกได้ซึ่งตามระเบียบก็เบิกได้แต่เจ้านายไม่ให้เบิด เราเคยทำงานอยู่ด้านจัดฝึกอบรมพอรู้เรื่องดี เลยให้คำปรึกษาไป และให้เขาหาข้อมูลจากคนที่ทำงานด้านนี้ปัจจุบัน สนทนากันไปมาไม่ใช่ติดที่ระเบียบ ติดที่เจ้านาย พอทราบเรื่องทั้งหมด จึงรีบไปโอนเงินให้น้อง ก็ประมาณร้อยละ 12 ของยอดเต็ม (แต่ไม่ได้บอกทาง Line กลุ่ม) รวมแล้วคืนไป ร้อยละ 45 แต่เงินที่ได้รับก็มากพอคุ้มค่าเดินทางค่าที่พักค่าเครื่องดื่มที่ชอบ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
ผ่านจากวันนั้นมาหลายวันแต่ความคิดยังวกวนอยู่กับเรื่องนี้
วนเวียนอยู่กับ สิ่งที่น้องบางคนเห็นตอนรับเงินและเข้าใจว่ามากเกินไป อยากอธิบายให้เข้าใจว่าเราไม่ได้ต้องการเงินมาก เพียงแค่พอสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางก็พอแล้ว
วนเวียนอยู่กับ น้องต้นเรื่องที่เดือดร้อนคับแค้นใจ ในการทำงานนี้
วนเวียนอยู่กับ เจ้านายที่เป็นใหญ่เป็นโตมีอำนาจที่ไม่แบ่งไปรอบๆ
วนเวียนอยู่กับ องค์กรที่ตรากฏระเบียบมาเพื่อควบคุม ไม่เอื้อให้ทำงานแม้ผู้บริหารจะมีวิสัยทัศน์พัฒนาคนพร่ำบอกทางปาก ในขณะที่มือถือกฏกรอบครอบจำกัดไว้
แม้จะเข้าใจในทุกคนทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง ได้แต่รอว่าสักวันความเปลี่ยนแปลงจะมาถึง

วันศุกร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2559

ความสุขใครทุกคนเรียกหาเจ้า

ปีเก่าผ่านไปปีใหม่มา
ถามหาความสุขที่คนส่งให้แก่กันในวันปีใหม่ คำอวยพรเหล่านั้นมีจริงหรือเป็นแค่ความปรารถนา
ความสุขส่งให้กันได้ด้วยหรือ
ในหน่วยแล็กที่สุด องค์กรเริ่มต้น คือ ครอบครัวของเรา เราเข้าและออกจาก ครอบครัวได้ มีสัมพันธ์็กัน และความสุขที่มอบให้กันนั้นเจือทุกข์ฺด้วยเสมอ คำอวยพรที่แสดงความปรารถนาดีแต่ไม่มีการกระทำมาสนับสนุน การเชื่อมต่อเป็นไปได้ยากทุกที ที่่อายุครอบครัวดำเนินไป
ครอบครัว ครอบเราไว้ เราอึดอัด ครัวเราปรุงรสให้เราเป็นอย่างที่ชอบรสที่ต้องการ หั่นเฉือน บดตำ ต้มยำ ทำแกง ผัดทอด สารพัด
ความสุขเริ่มจากตัวเรา เป็นคนมีความสุข เป็นคนที่สัมผัสแล้วมีความสุข อยู่เย็นเห็นแล้วมีสุข มีสุขที่แผ่กระจาย แช้วมอบให้แก่รอบข้าง มีสุขในองค์กรเล็กแล้วขยายไปองค์กรใหญ่ จากครอบครัวสู่สังคม เริ่มจากตัวเรา
อยู่ที่บ้านก็มีสุข อยู่ที่น่ี่ก็มีสุช อยู่ที่ไหน ไหน ไหน ก็มีสุขทุกเวลา
อยู่ที่บ้านก็มีสุข อยู่ที่น่ี่ก็มีสุช อยู่ที่ไหน ไหน ไหน ก็มีสุขทุกเวลา
หลั่น ลัน ลัน ลา ...