วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Awakening after Bitterness and Suffering

หลังการอบรมช่างขมขื่น แต่สดชื่นเมื่อเรียนรู้
 

"ความขมขื่นหายไปเมื่อความเข้าใจมาแทนที่"
ทิพย์ พัชน์ศรี

ผมตกจมอยู่กับอัตตาเป็นเวลานาน ผมไม่เห็นจิตใจมนุษย์ มนุษย์ที่อิจฉาและมัจฉริยะพาไปในโลกย์ โลกย์อันเบียดเบียน แต่เมตตาและกรุณายังคงอยู่ตรงนั้นที่เดียวกับอิจฉาและมัจฉริยะ
เมื่อคุณเจตนาอย่างใด กรรมอันประกอบขึ้นก็เป็นเช่นนั้น
 

นี่คือเหตุการณ์
หลังการอบรมหลักสูตรหนึ่งที่ศูนย์ฝึกอบรมฯ ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ระหว่างนั้นไม่มีการลงชื่อในการทำงาน ไม่มีการกล่าวถึงค่าตอบแทน
ผมได้สอบถามผู้ประสานงานว่า "คุณจะเก็บตั๋วรถไฟในการเดินทางของผมไว้ไหม?"
ผู้ประสานงานตอบว่า"ถ้าต้องการเบิกให้ส่งมา"
นั่นคือก่อนขึ้นรถตู้เพื่อไปรับภรรยาที่พักอยู่ในโรงแรมจังหวัดชลบุรี เมื่อออกจากโรงแรมผมเปิดเครื่องนำทางของ Google และให้เครื่องโทรศัพท์ไว้ที่คนขับรถ รถมาใกล้ถึงโรงแรมเป้าหมาย ผมไม่รู้จักโรงแรมมาก่อนจึงนั่งมองสองข้างทางอย่างใจจดจ่อ ผู้ประสานงานบอก "รถเลยมาแล้ว มันอยู่ตรงที่ผมบอก"
รถจอดข้างทาง ไกลจากโรงแรมประมาณ 300 เมตร ผมโทรศัพท์ไปสอบถามโรงแรม ปลายสายบอกเลยมาแล้ว
ผมขอให้วนรถไปส่งผมเพราะมันมีทางวนได้ คนขับและผู้ประสานงานบอกรถมันติด สิ่งที่ทำได้คือลงจากรถพร้อมภรรยา ในเวลาประมาณ 17 นาฬิกา (ประมาณเอา) กระเป๋าเดินทางสองใบที่ใส่เสื้อผ้าสำหรับการเดินทาง 6 วัน กระเป๋าเป้สะพายหลังหนักประมาณ 7 กก. หนึ่งใบ ถุงใส่ของที่ซื้อกลับบ้านอีกหนึ่งใบหนักประมาณ 4 กก.
เดินย้อนผู้คนและรถกลับไปข้ามถนนและประมาณ 10 นาทีหลังจากลงรถจึงได้เข้า Check in ที่โรงแรม
ความรู้สึกของผมสับสนไปหมด มันรวดเร็วมากตั้งแต่จอดรถและให้เดินย้อนไป แดดร้อนมาก ภรรยาอายุ กว่า 50 ปีบอกผมว่า"ทีหลังวางแผนให้ดีนะ" 10 นาทีที่ขมขื่น ผิดหวัง แต่ผมก็ผ่าน 10 นาทีนั้นมาอย่างงง รับรู้ความเหนื่อย ความร้อน และสงสารภรรยามากที่ต้องมาลำบากเพราะผม
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ภรรยาถามว่า "ยังอยากไปบรรยายอีกหรือป่าว" ผมอึ้งชั่วขณะก่อนตอบว่า "ไม่แล้ว" ในใจคิดว่า 'คงไม่มีใครเชิญมาอีกแล้ว นี่คงเป็นครั้งสุดท้าย คนที่เห็นคุณค่าของกระบวนกรคงหมดไปจากหน่วยงานแล้ว'


ผมไม่ได้รับการติดต่อจากผู้ประสานงานแต่อย่างใด และผมคงไม่ติดต่อเขาด้วย ทีแรกผมสับสน ตามมาด้วยความโกรธ ต่อด้วยความเกลียดชัง และเมื่อสงบลงผมพิจารณาทางเลือกว่าจะทำสิ่งใดได้บ้าง จึงกลับมาที่เอกสารเชิญและจินตนาการของผม มันทำให้เห็นว่าถ้าจะจบเรื่องนี้ คงต้องเรียกเก็บค่าใช้จ่ายไปยังผู้เชิญ ผมทำบันทึกหลังการอบรมแล้วรวบรวมเอกสารที่จำเป็น ปรึกษากับเพื่อนให้เขาตรวจเอกสารทั้งหมด เมื่อเขาให้ความเห็นแล้ว ผมจึงส่งไปให้ผู้เชิญเพื่อขอเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ไม่ลืมที่จะสำเนาให้ผู้ประสานงาน


เช้าวันจันทร์เพื่อนอีกคนโทรมาสอบถามผมเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังรวมทั้งการที่ผมต้องเดินไปโรงแรมอย่างขมขื่นด้วย
หลังจากนั้นความเคลื่อนไหวของผู้ประสานงานจึงเกิดขึ้นส่ง email โทรมาแจ้งให้ผมส่งตั๋วโดยสารไปแล้วจะเบิกเงินให้
ผมไม่ได้ทำสิ่งใด ผมรอ ระหว่างนั้นมีการสอบถามเหตุการณ์ ทางหน่วยงานต้นสังกัดเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง ผมทราบว่าเขาบอกผมแล้วให้ส่งตั๋วโดยสารมา และผมเข้าใจดี ยังบอกอีกว่าสิ่งที่ผมทำในการอบรมไม่บรรลุวัตถุประสงค์ น่าเหนื่อยใจที่ได้ทราบ เพื่อนขอให้ผมคุยกับหัวหน้าหน่วยงานต้นสังกัด ผมโทรไปคุยกับหัวหน้าหน่วยงานต้นสังกัดเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง รวมทั้งการเดินอันขมขื่นด้วย เขาขอโทษและรับปากจะดูแลให้
ผู้ประสานงานจึงโทรมาอีกครั้งและให้ผมไปลงนามเอกสารที่หน่วยงานในจังหวัดที่ผมอยู่ ผมสงบลงมากแล้วจึงไปดำเนินการ


เช้าของวันที่จะไปดำเนินการนั้นเพื่อนส่ง เอกสารที่เขาชี้แจงมาให้อ่านทาง Line แล้วถามว่า "ไม่ทราบถูกต้องหรือไม่" ผมตอบไปว่า"เขารายงานว่า 'เข้าใจดี' เป็นความเข้าใจเอาเอง ผมไม่รู้ว่า อาจารย์อีกท่านได้รับแจ้งบนรถหรือไม่ ผมว่าอย่างไรเขาก็ไม่รู้สึกหรอก ช่างความถูกต้องเถอะ ผมรับโทรศัพท์และพูดกับเขาว่าครับ ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น คงทำให้เขาเข้าใจว่าผม 'เข้าใจดี' "
เราสนทนาทาง Line ต่ออีกนิดหน่อย หลังจากนั้นผมได้ติดต่ออาจารย์อีกท่านหนึ่ง สอบถามท่าน ท่านบอกว่าได้รับแจ้งทางโทรศัพท์เมื่อไม่กี่วันนี้ ผมสอบถามว่าบนรถได้คุยอะไรกันหรือไม่ ท่านบอกว่าไม่เขาหลับตลอดทาง และเล่าให้ผมฟังว่าเมื่อให้ผมลงจากรถแล้วรถวนมาผ่านทางที่โรงแรมที่ผมจะไปตั้งอยู่ 


เมื่อทราบผมไม่ได้คิดอะไรมาก ความสับสนหายไป ความโกรธและความเกลียดชังเลือนไปด้วย เข้าใจการทำงานของ "อิจฉาและมัจฉริยะ" ที่ดำเนินของมันไปอย่างนั้นเอง ความขมขื่นหายไป ดีใจที่ได้เรียนรู้ เป็นอีกบทเรียนที่หาได้ยาก ผู้ประสานงานเข้าใจไม่ผิด "ผมเข้าใจดี" แต่ไม่ใช่เข้าใจในเรื่องเดียวกับที่ผู้ประสานงานต้องการให้เข้าใจ

ผมเข้าใจดีว่า  "อิจฉาและมัจฉริยะ" ต้องการ เมตตาและกรุณา อันไม่มีประมาณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น